เรื่องไปประเทศลาว
1. นั่งรถไฟที่หัวลำโพง ไปหนองคาย ไปเวียงจันทน์ประเทศลาว
2. นอนเตียงในรถไฟ กำลังไปหนองคายจากสถานีรถไฟหัวลำโพง
3. ออกจากเมืองไทย ข้ามสะพานมิตรภาพ
บันทึกประจำวันที่30มีนาคมปี2559 ตอนเช้า
ถึงด้านประเทศลาวแล้ว ลงจากรถเมล์แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ไม่มีคนบอกว่าต้องไปไหน ในกรณีแบบนี้ดูคนอื่นก่อนดีกว่า คนอื่นส่วนใหญ่น่าจะรู้แล้วว่าต้องทำยังไง มีแถวยาวผมไม่รู้ว่ามันเพื่ออะไรแต่ผมก็เข้าแถวด้วย ข้างหน้าคนสวยเมื่อกี้ด้วย เห็นเขาถือหนังสือเดินทางสีเหลืองน่าจะหนังสือเดินทางอขงญี่ปุ่นชื่อ “Chikyu no Arukikata (ความหมาย: วิธีเดินโลก)” หนังสือเดินทางที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น กระเป้าเป็ของเขาเป็นยี่ห้อOspray อืม เลือกOsprayเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่ Osprayคือยี่ห้อกระเป๋สำหรับปิ่นข่าวดังมากของอเมริกา เมืองไทยก็ขายเยอะแต่ไม่ดังที่ญี่ปุ่น ถ้าคนญี่ปุ่นที่เลือกกระเป๋านี้ก็คือคนที่เคยอยู่ต่างประเทศนานไม่ก็ชอบไปการเดินทางมาก แต่ท่าทางไม่ไช่คนที่ชอบไปเที่ยวต่างประเทศมากเพราะผิวขาวไปผ่อมไป เคยอยู่อเมริกา1ปีแบบWorking Holiday หรือเปล่า ผมคิดเองแบบโคนัน ผู้หญิงOsprayเขาอยู่ข้างหน้าผมแต่เขา
บังเอิญออกจากแถวและเดินไปแถวอื่น เอ๊ะ เขารู้ว่าผมคิดเรื่องเขา เขาก็เลยกลัว? หรือผมมองเขาเยอะไป? ผมก็อยู่แถวเดิมและมองเขาว่าทำไมไปที่อื่น สุดท้ายเข้าใจแล้วเขาเข้าคิวสำหรับกระดาษเข้าประเทศลาว เขาได้รับใบและเริ่มนั่งเขียน ผมเข้าใจแล้วคนญี่ปุ่นไม่ต้องขอวิซ่าสำหรับเข้าประเทศลาวแต่ยังไงต้องเขียนกระดาษเข้าประเทศ ผมก็ออกจากคิวและเข้าคิวสำหรับรับกระดาษเข้าประเทศ ตามผู้หญิงญี่ปุ่น รับบัตรและเขียนกระกาษเสร็จ ตามผู้หญิงOsprayและรอคิวที่เดิม มองดีๆมีเบอร์ข้างๆห้องเล็กว่าเลข“3” และห้องที่ผมได้รับก็เขียนไว้ว่า“1” ข้างๆห้อง1ก็มี2ด้วยแต่ห้อง2ปิดอยู่ ก็คือผมเพิ่งเข้าใจว่าผมต้องตามเบอร์ ไม่ต้องมองตามผู้หญิงเหมือนโรคจิต แต่คนเยอะก็มองเบอร์ไม่เห็นหรอก อยากได้รูปลูกศรที่พื้นด้วยหรือไม่ก็ป้ายใหญ่ๆ
รอคิวอยู่ก็คนลาวเดินมาโชว์บัตรน่าจะอนุยาติบงอย่างและพูดว่า “Taxi, Taxi, Mr. where are you going?” ผมก็บอกว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมจะใช้รถเมล์” อยู่ๆก็มีคนมาหลายๆคนแปลกๆว่ายังไม่ได้เแสตมป์เข้าไปประเทศลาวแต่มีคนเข้ามาหาลูกค้า บังเอญได้ยินเสียง”อ้าย ถูกมากเลย!” คนไทยอยู่ข้างหน้าคุยกับเพื่อนเขา ผมก็จำได้ว่าค่าเข้าสำหรับลาวมันไม่แพง แต่รู้สึกว่าไม่ควรจะบอกเสียงดังขนาดนั้น ถึงหน้าเจ้าหน้าที่ผมก็จ่ายเงิน100B เพราะผมจำไม่ได้ว่าต้องจ่ายเท่าไร เขาก็คืนเงินทอง80Bกับ3,000กีบ ก็คือค่าใช้จ่าย1000กีบ(ประมาณ5บาท) แล้วผมได้บัตรที่เขียนไว้ว่า”One Way Tickect” 5บาท ไม่ค่อยต่างกันกับค่าเข้าห้องน้ำที่สถานีหนองคายราคา3บาทเลย อ้าว ผมคิดแรงไปหรือเปล่า แต่ผมเข้าใจคนไทยที่พูดเสียงดังเมื่อกี้นี้ รับค่าเข้ามากกว่านี้ก็ได้มั้งประเทศลาว เช่นคนที่นอกจากAECจะรับ20บาทอะไรแบบนี้ 5บาทกับ20บาทรู้สึกไม่ค่อยต่างกันเลย หรือว่า100บาทก็รู้สึกยอมรับได้
แต่ยังไงได้บัตรและไปตม. ผมก็ให้หนังสือเดินทางกับบัตร เขาก็แสตมป์ให้หนังสือเดินทางผม แล้วผมก็เข้าได้ประเทศลาวโดยถูกต้องตามกฎหมายผ่านตม.และมีประตูแบบเหมือนBTS ผมก็ต้องใส่บัตร “OneWayTicket” อ๋อ มันใช้ตรงนี้ ไม่ใช่ให้คนตม. แต่มันหาไม่เจอ เพิ่งเมื่อกี้จ่ายเงิน5บาทและถ่ายรูปด้วยแต่หาไม่เจอ ผมกลับไปตามเจ้าหน้าที่ตม.แต่เขาบอกว่าไม่รู้ ผมก็ช่วยไม่ได้กลับไปซื้อใหม่ ผมเป็นห่วงว่าซื้ออีกได้หรือเปล่า? ผมอธิบายเจ้าหน้าที่ว่า “ผมทำบัตรหาย น่าจะให้เจ้าหน้าที่ตม.และหายไปแล้วผมซื้อบัตรอีกได้หรือเปล่าครับ?” เขาบอกว่าได้ ผมก็ซื้อบัตรอีกและผ่านตม.ใส่บัตรที่ประตูได้แล้ว แต่สงสัยว่าเวลาเข้าไม่มีตรวจอะไรเลย ถ้าใช้เครื่องบินเข้าเมืองไทยหรือญี่ปุ่นมีคนตรวจและมีเครื่องเอกซเรย์ แต่ที่นี่ไม่มีอะไร งง ประเทศลาวไม่มีอะไรเป็นห่วงเข้ามาจากเมืองไทยหรือเปล่า? เครื่องเอกสเรย์มันแพงและตรวจทุกครั้งก็ใช้เวลาแต่อย่างน้อยใช้หมาตรวจยาเสพติดดีกว่าหรือเปล่า
ปล.
ผู้หญิงOsprayอยู่ในรูป ผู้หญิงคนที่กระเป๋าเป้สีเขียวนะครับ>_<
ข้อความทั้งหมด