วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘
กุ๊กมอนิ่งครับไดซัง(@daijirok_th)นะครับ
บทความเมื่อวานคืออ่านหนังสือการ์ตูนมันฝึกอ่านหนังสือได้ด้วย
ผมเคยอ่านบทความของนิตยสารไทยว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยมาก
นักเขียนบทความบอกกว่าการอ่านหนังสือมันไม่สำคัญเท่าไร
ใช่ครับมันความคิดเห็นคือแล้วแต่คนบางคนคิดว่าไม่สำคัญก็ไม่ผิดอะไรหรอก
แต่ผมรู้คิดว่าอ่านหนังสือมันมีประโยชน์เยอะนะครับ
วันนี้ผมขอเขียนว่า”ทำไมควรอ่านหนังสือ”นะครับ
“เรื่องที่คนญี่ปุ่นตกใจเมื่อมาประเทศไทย8”
จะเป็นพรุ่งนี้นะครับ^^;
ทำไมต้องอ่านหนังสือ?
เพราะว่าเราต้องการความรู้ครับ
ถ้าเรามีความรู้เกี่ยวกับBusinessก็เราจะได้เงินมากขึ้น
ถ้าเรามีความรู้เกี่ยวกับสุขภาพเราจะทำได้ทุกต้องสำหรับสุขภาพดี
ถ้าเรามีความรู้ภาษาต่างประเทศเราคุยกับต่างชาติ
ผมว่าเราจะฉลาดขึ้น ชีวิตดีขึ้น มีความสุขขึ้น
มันแล้วแต่ความรู้เลยครับ
แต่แค่ความรู้ก็ไม่พอเพราะไม่ทำตามความรู้ก็ไม่มีประโยชน์
บางคน(หรือว่าสวนใหญ่?)รู้แต่ไม่ทำตามความรู้ตัวเอง555
แต่ยังน้อยไม่รู้ก้ทำอะไรไม่ได้โดยมั่นใจครับ
เช่น
เรารู้ว่าไม่ควรจะรักนี้แต่หยุดรักไม่ได้ (ผมเคยเป็นครับ555)
เรารู้ว่าไม่รวรจะกินเหล้ามากกว่านี้แต่หยุดกินไม่ได้ (นี่ก็เรื่องผมเองT-T)
อะไรแบบนี้นะครับ
ทำไมต้องเป็นการอ่านหนังสือ?
สมัยโบราณมนุษเราอยากได้ความรู้ก็ต้องถามคนอื่นหรือไม่ก็อ่านหนังสือ
แต่สมัยนี้ เรามีวิธีหลายอย่างหสำรับได้ความรู้ใหม่ๆ
เช่น ทีวี ดีวีดี วิตยุ อินเตอร์เน็ต เป็นต้นครับ
เหมือนไม่ต้องถามคนอื่นหรือไม่ต้องอ่านหนังสือได้แล้วครับ
อินเตอร์เน็ต
โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ต สมัยนี้ต้องการความรู้ก็ถามอาจาร์Google
ส่วนใหญ่ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตตอบได้คำถามเราถ้าหาคำตอบไม่เจอก็ถามคนอื่นในอินเตอร์เน็ตได้ด้วย
งั้นทำไมคนเราควรจะอ่านหนังสือรึเปล่า?
ผมคิดว่าถ้าอยากได้ความรู้เล็กๆน้อยๆ
เช่น “MacBookแฮงก์แล้วทำยังไงดี”
อะไรแบบนี้ หาอินเตอร์เน็ตดีกว่า
การอ่านหนังสือ
แต่ถ้าอยากได้ความรู้เป็นระบบ
เช่น การเขียนโปรแกรม วิธีวิเคระหุ้น ภาษาต่างประเทศ
ก็ส่วนใหญ่ยังเราต้องอ่านหนังสือหรือไม่ก็ไปโรงเรียน(และก็อ่านหนังสือที่โรงเรียน)
ก็คือหลักๆอินเตอร์เน็ตหรือวิธีอื่น ยังไม่ค่อยมีประวัตินานเท่าหนังสือ
ก็คือยังไม่มีข้อมูลดีเท่าหนังสือเพื่อเรียนเป็นระแบบนะครับ
ถ้าเราอยากรู้ความคิดเห็นของคนสำเร็จเช่นคุณ”วิกรม กรมดิษฐ์”
เราก็อ่านหนังสือของเขาได้และรู้ว่าทำไมเขาเป็นรวยได้
แม้ว่าเราเรียนแบบเขาก็เรารวยแบบเขาไม่ได้แล้ว
แต่อาจจะมีไอเดียหรือว่าความรู้ใหม่ๆสำหรับเราได้
Credit: Amata Foundation
หรือว่าอ่านหนังสือของคนไทยที่สำเร็จ
หาความคล้ายคลึงกันและสรุปเป็นหนังสือ
และขายหนังสือนี้ก็น่าสนใจนะครับ555
ข้อความทั้งหมด